เลขาธิการ กพฐ. โต้ นร.ม.3 นครปฐม ถูกเตะอกจนโคม่าไม่ใช่รับน้อง แต่เป็นการประลองยุทธ์

เลขาธิการ กพฐ. โต้ นร.ม.3 นครปฐม ถูกเตะอกจนโคม่าไม่ใช่รับน้อง แต่เป็นการประลองยุทธ์

รับน้องนครปฐม – จากกรณีกลุ่มรุ่นพี่ ม.6 ตั้งก๊วนกิจกรรมรับน้องขึ้นมา โดยให้รุ่นน้องม.3 ไปรับเลสข้อมือ 23 มกราสถาปนา พระปฐมวิทยาลัย รุ่น 105 กับรุ่นพี่ประมาณ 10 คน มีรุ่นน้อง 3 คนถูกรุมทำร้ายในลักษณะจับมือไพล่หลัง แล้วรุมเตะ “น้องกร” โดนเตะหน้าอกจนหายใจไม่ออก ออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงสมองไม่ทัน ทำให้ปอดช้ำและสมองบวม ถูกนำส่งโรงพยาบาลอาการสาหัส น้องกรหัวใจหยุดเต้นไปแล้วสามรอบ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อวานนี้ Thaipbs รายงานว่ารุ่นพี่ผู้ก่อเหตุ 

ผู้ปกครองได้พาเข้ามอบตัวแล้วที่สถานีตำรวจภูธรนครชัยศรี จ.นครปฐม อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายให้บาดเจ็บสาหัส ตำรวจได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และส่งไปควบคุมตัวที่สถานพินิจ

ต่อมาที่น่าสนใจกว่านั้นคือ คำสัมภาษณ์ของ นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ แนวหน้าออนไลน์ รายงานว่า เหตุการณ์ทำร้ายร่างกายรุ่นน้องม.3 เพื่อแลกเลสของมือของนักเรียนพระปฐมวิทยาลัย ตรวจสอบแล้วไม่ใช่การรับน้อง วันเกิดเหตุกลุ่มนักเรียนเหล่าไปสังสรรค์กันที่บ้านของเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง และเด็กนักเรียนไม่ได้มีความขัดแย้งหรือทะเลาะวิวาทกัน แต่ด้วยวัยรุ่นได้มีการประลองยุทธ์ในเชิงเด็กผู้ชายกันแรงไปหน่อย จึงเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น

สลด แม่บังเกิดเกล้า-พ่อเลี้ยง ทุบตีตบหน้าลูกน้อย 5 ขวบจนตาปูด 2 ข้าง ชาวบ้านสุดทนแจ้งความ

พ่อแม่ทำร้ายลูก – ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว คราวนี้เหยื่อเป็นเด็กน้อยวัยเพียง 5 ขวบโดยผู้กระทำคือ นางสาวคนเล็ก บุษดี อายุ 23 ปี แม่แท้ๆ กับ พ่อเลี้ยง นายประสิทธ์ หอยทอง อายุ 25 ปี ที่ทุบตีเบ้าตาลูกเลี้ยงจนตาปูดเป่งน่ากลัวทั้งสองข้าง เสียงร้องอย่างเจ็บปวดสาหัสดังลั่นไปถึงเพื่อนบ้าน ซึ่งอดรนทนไม่ไหวโทรแจ้งตำรวจให้เข้าระงับเหตุ

เมื่อตำรวจมาถึงบ้านพักหลังหนึ่งในซอยเพชรหึงษ์ 21 ตำบลบางยอ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ก็พบสภาพน่าสลดใจของหนูน้อยที่ต้องถูกกระทำอย่างรุนแรงจนบาดเจ็บสาหัส นอกจากตาสองข้างที่บวมปูด แล้ว ตามใบหน้ายังมีรอยถลอก และรอยเขียวช้ำจากการทุบตีบริเวณแผ่นหลัง

เพื่อนบ้านเป็นพยานให้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ครอบครัวนี้ใช้ความรุนแรงกับลูก พวกเขาได้ยินเสียงเด็กร้องบ่อยครั้ง จนมาช่วงบ่ายได้ยินเสียงร้องดังกว่าทุกครั้งจึงโทรแจ้งตำรวจ

เบื้องต้นนายประสิทธ์ให้การรับสารภาพว่า ได้ทุบตีและตบเบ้าตาลูกเลี้ยงวัย 5 ขวบจริง อ้างว่าต้องการสั่งสอนเนื่องจากเด็กไปขโมยของของคนอื่นมา และยืนยันว่าทำไปด้วยความรักเด็ก ด้านนางสาวคนเล็กแม่บังเกิดเกล้า ปฏิเสธว่าไม่ทราบว่าสามีใหม่ทำร้ายลูกจนกระทั่งมาทราบเอาวันนี้ และอ้างว่าเมื่อสามวันที่แล้วลูกตกบันไดบ้าน แต่ไม่มีเงินพาไปหาหมอ ด้านนาย วิสูตร วัย 76 ปี ปู่ของเด็กหญิงซึ่งเลี้ยงหลานเป็นส่วนใหญ่ ยืนยันด้วยความโมโหว่าจะเอาเรื่องพ่อเลี้ยงให้ถึงที่สุด

รับน้องโหด รุ่นพี่ม.6 รุมเตะอกน้อง ม.3 แลกเลสข้อมือ โคม่าหวังปาฏิหาริย์

รุ่นพี่ทำร้ายรุ่นน้อง นครปฐม – จากกรณีกลุ่มรุ่นพี่ ม.6 ตั้งก๊วนกิจกรรมรับน้องขึ้นมา โดยให้รุ่นน้องม.3 ไปรับเลสข้อมือ 23 มกราสถาปนา พระปฐมวิทยาลัย รุ่น 105 กับรุ่นพี่ประมาณ 10 คน มีรุ่นน้อง 3 คนถูกรุมทำร้ายในลักษณะจับมือไพล่หลัง แล้วรุมเตะ

“น้องกร” โดนเตะหน้าอกจนหายใจไม่ออก ออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงสมองไม่ทัน ทำให้ปอดช้ำและสมองบวม ถูกนำส่งโรงพยาบาลอาการสาหัส น้องกรหัวใจหยุดเต้นไปแล้วสามรอบ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก เหน่อ หนองกระโดน ระบุว่าพฤติการณ์แบบนี้ ไม่เคยปรากฎพบที่โรงเรียนมาก่อน เป็นการคิดอยากทำและสืบทอดกันเอง ส่วนรุ่นพี่คนก่อเหตุ ได้หนีไปกบด้านอยู่ที่บ้านที่นครปฐมเนื่องจากกลัวว่าจะมีคนมารุมทำร้าย รายงานว่าวันนี้จะเข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจ (นครชัยศรี) นครปฐม

ส่วนอาการน้องกรล่าสุดวานนี้ (7 ก.ค.) ปอดดีขึ้น แต่สมองยังบวม ทำได้เพียงรอคอยปาฏิหาริย์เท่านั้นน้องถึงจะฟื้นขึ้นมาได้ ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม ถอดท่ออากาศออกเมื่อไหร่คือน้องจากไปเมื่อนั้น ครอบครัวก็ทุกข์ทรมานใจอย่างมาก ธุรกิจที่บ้านต้องหยุด ผลัดกันมารอเฝ้าไข้ห้องไอซียู เข้าเยี่ยมตลอดไม่ได้ ต้องนอนที่พื้นหน้าลิฟท์โรงพยาบาล

ระหว่างวันที่ 12 มี.ค. 2553 ถึงวันที่ 19 มี.ค. 2553 มีเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือกลุ่ม นปช. เพื่อประท้วงรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ลาออกจากตำแหน่งหรือยุบสภาและให้มีการเลือกตั้งใหม่

มีการตั้งเวทีใหญ่บริเวณแยกราชประสงค์ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง และมีการตั้งเวทีย่อยบริเวณแยกคลองเตยใกล้อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยมีการปิดการจราจรบนถนนรอบพื้นที่การชุมนุมทุกแห่งการชุมนุมมีการใช้ความรุนแรงรัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 รัฐบาลส่งกำลังทหารสลายการชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์และได้เกิดเหตุเพลิงไหม้สถานที่หลายแห่งรวมทั้งอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์ทั้ง 3 ได้รับความเสียหาย